01 มีนาคม 2556

ทานอาหารหลังออกกำลังกาย




มีข้อสงสัยกันอยู่เสมอว่า เราควรจะกินอาหารก่อนออกกำลังกายดี หรือว่ากินหลังออกกำลังกายจะเหมาะสมกว่า เพื่อให้ได้สุขภาพที่แข็งแรงสมใจ วันนี้มีคำตอบมาเฉลยค่ะ
นั่นคือ ควรทานทีหลัง เพราะพลังงานที่เราเผาผลาญขณะออกกำลังกายนั้นไม่ได้มาจากอาหารที่เราเพิ่งทานไปหยกๆ แต่เป็นการดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ที่เรียกว่า ไกลโคเจน และไขมัน ที่กักเก็บไว้ในเซลล์ที่กล้ามเนื้อ, ตับ และส่วนอื่นๆ ในร่างกายเราออกมาใช้ ไกลโคเจนและไขมันทำงานร่วมกันเพื่อให้เรามีพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง  1-2 ชั่วโมง ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ใช้เวลาถึงขนาดนั้น แต่หากคุณรู้สึกวิงเวียนศีรษะขณะออกกำลัง (เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงภายใน 20 นาทีหลังการออกกำลัง) ก็ควรทานอาหารเบาๆ ที่ให้พลังงาน 150 แคลอรีล่วงหน้าราวครึ่งชั่วโมง ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย อย่างเช่น น้ำผลไม้, กล้วยสักผล เบเกิลสักชิ้น แต่ควรเลี่ยงแบบโฮลวีตที่จะย่อยได้ช้าเพราะมีไฟเบอร์สูง
หลังจากออกกำลังเสร็จแล้ว ร่างกายคุณจะเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า "ชั่วโมงทอง" คือกล้ามเนื้อจะดูดซึมสารอาหารส่วนใหญ่ และเป็นช่วงที่ไกลโคเจนจะถูกแทนที่อย่างมีประสิทธิภาพ แค่คุณมีอะไรใส่ท้องสักนิดหน่อย เพราะหากคุณไม่เติมท้องด้วยอาหารขบเคี้ยวในช่วงเวลาดังกล่าว ร่างกายก็ไม่อาจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และอาจทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาในวันถัดไป ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า อาหารหลังการออกกำลังการควรประกอบด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เพราะผลการศึกษาชี้ว่าโปรตีนช่วยให้ร่างกายดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

19 กุมภาพันธ์ 2556

วิธีเพิ่มกล้ามเนื้อ



สี่วิธีเพิ่มพลังกล้ามเนื้อ
การจะช่วยป้องกันอันตรายให้กล้ามเนื้อเปรียบได้กับการสวมเกราะให้กับกล้ามเนื้อ โดยเกราะที่ว่านั้นต้องมาจาก “การออกกำลังกาย” และ “อาหาร” ที่รับประทาน
ลองนึกภาพกล้ามเนื้อง่ายๆ ตามนะคะ เป็นเส้นยาวๆ ยืดหดได้ ประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยยุ่บยั่บ
ถ้ามันเกิดเปราะแล้วฉีกขาดขึ้นมาก็น่าดูชมล่ะคะ เพราะเลือดก็จะคั่งและกล้ามเนื้อก็จะยืดหดไม่ได้เหมือนเดิม ถ้าเป็นกล้ามเนื้อแขนก็แสนทรมานปวดอยู่นานยกแขนไม่ขึ้น ส่วนถ้าเป็นกล้ามขาก็ทำให้เดินลำบาก อยากไปไหนต่อไหนก็ไม่ได้ดั่งใจ
ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ดิฉันขันอาสามาบำบัดทุกข์ให้กับกล้ามเนื้อทุกๆ มัด จัดนโยบายลดการอักเสบและเพิ่มพลังกล้ามเนื้อให้กับทุกท่านด้วยวิธีดังต่อไปนี้ ข้อให้เลือกแบบที่เหมาะกับท่านที่สุดนะคะ
1) กินอาหารแป้ง ก่อนออกกำลังกายหนักสักวันหนึ่งให้รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตเตรียมไว้ เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยวหรือขนมปัง แป้งที่กินเข้าไปจะกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทำให้ออกกำลังกายได้มาก เพราะน้ำตาลถือเป็นเชื้อเพลิงอันดับต้นๆ ที่กล้ามเนื้อจะหยิบมาใช้ ในตัวกล้ามเองก็มีที่เก็บแป้งในรูปของ “ไกลโคเจน” แต่มีเทคนิคอยู่หน่อยว่า อย่ากินแป้งกับน้ำตาลจนอิ่มมากเกินไป หรือกินทุกวันก่อนหน้าออกกำลังกายมาเป็นอาทิตย์ๆ นะคะ
2) ดื่มน้ำเตรียมไว้ น้ำสะอาดเป็นทางเลือกหนึ่งของการสร้างสุขภาพดีให้กล้ามเนื้อ ในตัวกล้ามประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหยิบกล้ามเนื้อมาดูจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่นและชุ่มฉ่ำ นี่คือลักษณะของกล้ามเนื้อสุขภาพดีค่ะ ท่านที่ดื่มน้ำน้อยกล้ามเนื้อก็จะล้าง่ายไม่ยืดหยุ่น เพราะขาดน้ำ การดื่มน้ำไว้สักแค่วันละอย่างน้อย 2 ลิตรก็ช่วยได้มากแล้ว อย่าออกกำลังกายทั้งๆ ที่ขาดน้ำ นอนดึกหรือเพิ่งอดอาหาร จะไม่ดีต่อกล้ามเนื้ออย่างแรง
3) พักดื่มน้ำเกลือแร่ เมื่อออกกำลังกายไปได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้วให้ค่อยๆ หันมาชดเชย “แร่ธาตุ” ที่เสียไปกับเหงื่อด้วยค่ะ แม้กับท่านที่ออกกำลังแบบไม่มีเหงื่อเพราะอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำแต่นั่นก็ไม่ได้หมายว่าจะไม่ขาดเกลือแร่นะคะ เพราะทุกครั้งที่เราหายใจทางจมูกและปากนั่นก็คือการปล่อยน้ำกับแร่ธาตุบางส่วนออกไปอย่างมากแล้ว ยิ่งในห้องแอร์เย็นๆ ด้วย ท่านลองสังเกตดูว่าปากจะแห้งเร็วกว่าปกติเสียด้วยซ้ำจากอากาศเย็นรอบข้างนั่นเอง โดยสรุปก็คือเมื่อไรลงมือออกกำลังขอให้พักมานั่งดื่มน้ำบ้าง วางน้ำไว้ใกล้ๆ ตัวแล้วตั้งใจว่าจะดื่มให้หมดขวดเวลาไปฟิตเนสแต่ละครั้ง
4) อย่ากินอิ่มหลังออก ข้อนี้สำคัญค่ะพอได้ออกกำลังกายครบตามสูตรตามยกที่ตั้งใจไว้แล้ว ความปีติก็จะพลันแผ่ซ่าน และอาการหิวก็อาจเข้ามาเมียงมองได้ ขอท่านที่รักอย่าเพิ่ง “ฉลอง” ด้วยของโปรดทันทีนะคะ อดทนและทนอดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพราะว่ากล้ามเนื้อจะได้ลิ้มรสของ “เทสโทสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยบำรุงกล้ามโดยตรง แล้วจากนั้นไม่นานหลังจากออกกำลังกายราว 1 ชั่วโมงผ่านไปค่อยไปมองหาอาหารที่ไม่หนักนักรับประทาน เน้นอาหารโปรตีนเบาๆ ก็ดีอย่างสลัดไข่หรือจะเป็นเมี่ยงปลาเผาก็ได้ ล้วนแต่เป็นอาหารที่ไม่หนักและไม่ทำให้กล้ามเนื้อลำบากใจจนเกินไปด้วย
ทั้ง 4 เทคนิคเป็นทางที่จะช่วยป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับกล้ามเนื้อ และช่วยให้ท่านไม่มีอาการบาดเจ็บจากกล้ามเนื้อได้ง่ายด้วย ส่วนท่านที่ต้องการสร้างกล้ามให้ดูฟิตแอนด์เฟิร์มก็ควรเริ่มใช้เทคนิคการดูแลกล้ามเนื้อแบบที่บอกไว้ให้ขึ้นใจเป็นอัตโนมัติเลยค่ะ
จะได้แกร่งทั้งนอกและใน

ขอบคุณที่มาของข้อมูลหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556


16 กุมภาพันธ์ 2556

ประโยชน์ของขิง



ขิงเป็นพืชล้มลุกเป็นพืชตระกูลเดียวกับข่า ขมิ้น มีลำต้นใต้ดินคล้ายมือ เรียกว่า เหง้า ขิงปลูกได้ดีในเขตร้อนนิยมปลูกมากในประเทศอินเดีย และประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  ขิงอ่อนจะมีสีขาวออกเหลือง มีรสเผ็ดร้อน ตามความแก่ของขิง ยิ่งแก่มากยิ่งเผ็ด ลำต้นสูงประมาณ 90 ซม ขิงมีประโยชน์มากมาย แก้ท้องอืด จุกเสียด ขับลม คลื่นไส้อาเจียน  ขับเสมหะ แก้ไข้หวัด บิด หอบหืด ท้องเสีย      ผมร่วง

สรรพคุณ
1. รักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยนำขิงแก่สด 2-3 เหง้า มาทุบพอแตกต้มกับน้ำดืม
2. รักษาไข้หวัด โดยนำขิงแก่สดต้มดื่มกับน้ำตาลทรายขาว หรือนำขิงมากทุบให้ละเอียดผสมน้ำอาบเพื่อขับเหงื่อ
3. รักษาอาการไอ ขับเสมหะ โดยน้ำขิงมาคั้นน้ำผสมน้ำผึ่ง หรือน้ำมะนาวผสมเกลือเล็กน้อย
4. รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โดยการตำขิงสดให้ละเอียดนำมาพอกที่แผล


11 กุมภาพันธ์ 2556

รูปร่างที่ดีด้วยวิฺธีง่ายๆ


























บ่อยครั้งเมื่อผู้คนเริ่มลดน้ำหนัก จะมีไม่การวางแผนและวิธีการที่จะลดน้ำหนัก พวกเขาควรที่จะรู้ว่ากลวิธีที่ช่วยให้พวกเขาลดน้ำหนักได้อย่างไร การควบคุมอาหารไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน และในบางครั้งคนที่ควบคุมน้ำหนักหลายคนอาจจะไม่อยากอยู่ในกฎการควบคุมอาหาร ทั้งที่การเริ่มต้นมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจูงใจคุณให้บรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักได้ โดยสิ่งที่คุณควรทำในการลดน้ำหนักคือ

 1.คุณควรที่จะติดตามความก้าวหน้าในการลดน้ำหนักของคุณ ด้วยการชั่งน้ำหนักสัปดาห์ละ1 ครั้ง ไม่ควรชั่งน้ำหนักบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้คุณเกิดความรู้ท้อใจได้หากน้ำหนักตัวของคุณไม่ลดลง

 2.คุณควรจดบันทึกทุกสิ่งที่คุณกิน เพื่อให้คุณเกิดความรู้สึกรับผิดชอบในทุกสิ่งที่คุณกินและดื่ม ซึ่งจะทำให้คุณฉลาดมากขึ้น ในการที่จะเลือกกินและดื่มในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณมากขึ้น

 3. หากคุณหิวมาก ก็จะทำให้ความสามารถในการเลือกอาหารที่เหมาะกับตัวคุณลดลง ซึ่งอาจจะจบลงด้วยการเลือกบริโภคอาหารที่จะทำให้คุณรู้สึกเสียใจภายหลังได้ คุณสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเช่นว่านั้นได้ด้วยการวางแผนล่วงหน้า แทนที่จะกินอาหารกลางวันในร้านอาหาร คุณก็อาจจะทำอาหารของคุณเองที่จะช่วยทำให้คุณมีสุขภาพดีกว่าที่คุณจะได้รับจากร้านอาหารและสถานที่ที่มีการจำหน่ายอาหารจานด่วน

 4. ความสำเร็จในการลดน้ำหนักจะรวมถึงคุณค่าทางโภชนาที่เหมาะสมด้วย การออกกำลังที่สนุกสนาน
การกำหนดชั่วโมงการออกกำลังกายเพียงไม่กี่ชม.ต่อสัปดาห์จะช่วยให้คุณได้รับทั้งหมดของการออกกำลังกายที่เหมาะสม การเลือกกิจกรรมที่ช่วยให้คุณสนุกกับการออกกำลังกายเช่นการวิ่งเยาะๆ, การทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว หรือการขี่จักรยานอย่างสงบกับตัวเอง ทุกสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีร่างกายและสุขภาพที่สมบูรณ์ดี

05 กุมภาพันธ์ 2556

การลดน้ำหนักโดยวิธีธรรมชาติ



1. พยายามลดการบริโภคคาร์โบไฮเดต เพราะอาจจะทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้น
2.ควบคุมความหิว เพราะเมื่อคุณหิวจะทำให้บริโภคในปริมาณที่มาก จนเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นคุณจึงควรบริโภคเมื่อคุณรู้สึกหิวเล็กน้อย เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องบริโภคในปริมาณที่มากจนเกินความต้องการของร่างกาย
3. เผาผลาญไขมันมากกว่าการบริโภค เป็นวิํีธีหนึ่งในการลดน้ำหนักตามวิธีธรรมชาติ  ซึ่งเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ดี คุณควรการออกกำลังกายมากขึ้น จนทำให้ตัวคุณเองรู้สึกเหนื่อย และเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าที่คุณบริโภค
4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน และเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีเส้นใยเพื่อสุขภาพที่ดี
5.  เพิ่มการบริโภคผักผลไม้ และสลัด เพื่อให้ร่างกายคุณได้รับพลังงานที่ร่างกายต้องการ

27 มกราคม 2556

สรรพคุณของงา



งาเป็นพืชล้มลุก ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบเส้นศูนย์สูตร  แต่ปลูกมากในจีนและอินเดีย โดยต้นงาจะสูงประมาณ 1- 2  เมตร มีทั้งงาดำและงาขาว  งามีโปรตีนและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย ธาตุเหล็กบำรุงเลือด ธาตุไอโอดีน ป้องกันโรคคอหอยพอก ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน โดยในงาจะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสมากกว่าผักชนิดอื่น ประมาณ 20 เท่า  งาเป็นอาหารที่บำรุงกำลังที่ดี และยังเป็นแหล่งให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า และยังช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ท้องผูก บำรุงกระดูก บำรุงผม และช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ ในขณะที่น้ำมันงามีกรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไขมันโอไมก้า 3 โอไมก้า 6ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล  ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว  ป้องกันโรคหัวใจได้ และยังมีกรดไขมันไลโนเลอิคที่ทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณ การใช้น้ำมันงาทาจะข่วยบรรเทาอาการปวด เคล็ดขัดยอก ผิวพรรณไม่เหี่ยวดูอ่อนเยาว์ 

26 มกราคม 2556

ลดน้ำหนักด้วยเม็ดแมงลัก


เม็ดแมงลักมีประโยชน์ หลายอย่าง เช่น ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย เป็นยาช่วยระบาย และช่วยลดน้ำหนักและลดหน้าท้องได้ เพราะผิวของเม็ดลักจะมีลักษณะเป็นเมือกช่วยในเรื่องการหล่อลื่น ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง วิธีการบริโภคก็แสนง่ายใช้เพียงเม็ดแมงลัก เพียง 1-2 ช้อนชา ผสมกับน้ำ 1 แก้ว ประมาณ 250 ซีซี  บริโภคก่อนนอนวันละ 1 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย หรือหากต้องการลดน้ำหนักก็ให้บริโภคก่อนที่รับจะรับประทานอาหาร จะช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มและกินข้าวได้น้อยลง น้ำหนักตัวของคุณจึงลดลง  อย่างไรก็ดีแม้เม็ดแมงลักจะมีประโยชน์มากมายแต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน หากผู้บริโภคไม่รู้จักวิธีการบริโภคที่ดี สิ่งสำคัญก็คือ ผู้บริโภคต้องรอให้เม็ดแมงลักพองตัวเต็มทีก่อน เพราะถ้าเราบริโภคเม็ดแมงลักก่อนที่มันจะพองตัวเต็มที จะทำให้เรารู้สึกอึก และแน่นท้องได้ หรือถึงขั้นไปอุดตันลำไล้ใหญ่ได้เลย จึงควรบริโภคด้วยความระมัดระวัง

คุณประโยชน์ของมะขามป้อม


มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่พบมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และประเทศจีนทางตอนใต้ ในส่วนของประเทศไทยจะพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง
มะขามป้อมมีวิตามินสูงมากกว่าพืชชนิดอื่นๆสามารถนำไปเป็นส่วนผสมยาใช้รักษาโรคเลือดออกตามไร้ฟันได้ดี
  • ผลของมะขามป้อมสามารถใช้รักษา ไข้หวัด ไอ แก้กระหายน้ำ แก้ท้องผูก  
  • รากที่ผ่านการต้มประมาณ 15 นาที นำมาทาสามารถบรรเทาอาการคันจากเชื้อราได้
  • ปมกิ่งก้านต้มกับน้ำ ใช้อม บ้วนปากบรรเทาอาการปวดฟัน
  • เปลือกนำมาบดเป็นผง โรยรักษาบาดแผลหรือนำมาต้มดื่มรักษาโรคบิด
  • รากสดนำมาพองแผลเมื่อโดนสัตว์มีพิษกัด
  • ใบนำไปต้มอาบน้ำช่วยลดไข้

เคล็ดรับลดน้ำหนัก 13 วิธี


13 เคล็ดรับลดน้ำหนัก

1. ทำอาหาร ด้วยน้ำมันสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก  น้ำมันดอกคำฝ้าย น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคาโนลา  น้ำมันวอลนัท  และน้ำมันเมล็ดฝ้าย แทนผลิตภัณฑ์ไขมัน เช่น เนยขาว(shortening), เนย, น้ำมันพืช ร่างกายเราต้องการไขมันที่ดีต่อสุขภาพเพื่อการเผาผลาญไขมัน แต่ไขมันไม่ดี ไขมันอิ่มตัว ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
2.หลีกเลี่ยงอาหารทอดรวมทั้งอาหารที่เพิ่มไขมัน และแคลอรี่  ควรทานอาหารสุขภาพประเภท  อบ นึ่ง อัง ย่าง
3.คุณต้องทำกิจกรรมมากขึ้นเพื่อเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้น เช่น เดินไปทำงาน  ใช้บรรไดแทนลิฟต์  ยืนแทนนั่งเมื่อคุณคุยโทรศัพท์ เมื่อดูทีวีต้องมีการขยับแขนและขาไปด้วย
4.ควรจะมีโปรตีนปราศจากไขมัน (Lean Protein) ในทุกมื้ออาหารเพื่อการเผาผลาญที่ดี
5. อาหารมื้อใหญ่ที่สุดควรเป็นอาหารเช้า เมื่อร่างกายของคุณไม่ได้รับแคลอรี่ตลอดทั้งคืนสำหรับอาหารค่ำ และเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ แคลอรี่ทั้งหมดในร่างกายของคุณจะเปลี่ยนเป็นไขมัน ดังนั้นจึงไม่ควรกินก่อนนอน
ุ6. ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายของคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้น้ำยังสามารถช่วยล้างไขมันที่ร่างกายของคุณขับออก น้ำจะมี แคลอรี่เป็นศูนย์ไม่เหมือน โซดาและเครื่องดื่มให้พลังงาน
7. หลีกเลี่ยงที่จะไปซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อคุณกำลังหิว คุณจะไม่ซื้ออาหารขยะเมื่อคุณกำลังหิว
8. เมื่อคุณไป Super Market  ซื้อเพียง เนื้อ นม ผลไม้และผักซึ่งคุณจะได้รับอาหารดี ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย แต่มีแคลอรี่ ไขมัน โซเดียม และอื่นๆ ที่ไม่ดีสำหรับคุณมากมาย
9. แทนที่แป้งขาว แป้ง ข้าว  พาสต้า ด้วยธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เพราะมีการเพิ่มสารอาหารเข้าไปในระหว่างกระบวนการแปรรูป เมล็ดธัญพืชไม่เพียงดีต่อสุขภาพ และยังช่วยลดน้ำหนักด้วย
10.คุณไม่จำเป็นต้องไปออกกำลังที่โรงยิม เพราะจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิกโรงยิม  หากคุณไม่ได้เข้าไปใช้บริการ และอาจจะเบื่อที่จะต้องไปออกกำลังกาย คุณควรออกไปออกกำลังตามธรรมชาติ เช่น ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ  เล่นเบสบอลกับเด็กๆ  ไปว่ายน้ำที่ชายหาด  เต้นกับเพื่อนของคุณ  ร่างกายของคุณจะได้เคลื่อนไหวในวิธีที่สนุก มีการทำกิจกรรมมากขึ้นทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้เพิ่มขึ้น
11.ไม่ควรให้ความสำคัญในการลดน้ำหนัก แต่ควรมุ่งเน้นไปที่สุขภาพที่ดีของคุณ สุขภาพที่ดีทำให้ร่างกายของคุณดีขึ้น และคุณจะดูดีขึ้น นี้เป็นวิธีในการปรับปรุงสุขภาพ น้ำหนัก และชีวิตของคุณ
12. หาเพื่อนที่มีสุขภาพดี เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้คุณบรรลุยังเป้ามาย
13 คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงคิดว่า จะลดน้ำหนักด้วยกิจการแอโรบิด  เหตุผลหนึ่่งก็คือผู้หญิงกลัวการออกกำลังกายแบบฝึกความเแข็งแรง(strength training) หรือการเล่นกล้าม เพราะพวกเธอกังวลว่าจะมีลักษณะร่างกายที่กำยำขึ้น  แต่ในความจริงร่างกายของผู้หญิงจะต้องใช้ฮอนโมนเพศเพศชายในการสร้างกล้ามเนื้อของพวกเธอและใช้เวลาในการสร้างกล้ามเนื้อนาน ดังนั้นผู้หญิงปกติจึงไม่มีอะไรต้องกลัวจากการออกกำลังกายแบบ(strength training)


ที่มา :[Nazima Golamaully]/ArticleALLey

วิตามิน C และแหล่งรวมวิตามิน C


วิตามินซี จะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื้อส่วนที่สึกหรอทั่วร่างกาย เช่น ฟัน เหงือก ผิวหนัง เส้นผม และเซลล์อื่นๆ ภายในร่างกายทีต้องการวิตามินซี คนที่ขาดวิตามินซี มักจะสังเกตเห็นจากผิวหนังที่แห้ง มีเกล็ด ผมแห้งและเปราะ  บางคนจะมีปัญหาการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเป็นโรค รวมทั้งโรคเลือดออกตามไรฟัน  วิตามินซีนอกจากจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอแล้วยังช่วยป้องกันการติดเชื้อของถุงน้ำดี,โรคมะเร็ง,โรคความดันโลหิตสูง เพราะวิตามินซีจะช่วยละลายสารอาหารในร่างกาย ไม่มีสารอาหารสะสมเพราะเราต้องนำอาหารเข้าสู่ร่างกายทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเรามีสุขภาพที่ดี  ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีที่จะเสริมวิตามินซีที่อยู่อย่างมากมายให้แก่ร่างกาย

แหล่งที่มาของวิตามินซี
มะนาวเหลือง มะนาว ส้มโอ  ผลไม้อื่นๆ เป็นแหล่งที่เหมาะของวิตามินซี  ส้มและองุ่น มีวิตามินซีประมาณ  70 มิลลิกรัม แม้ผลไม้ประเภทส้มจะเป็นแหล่งวิตามินซีแหล่งใหญ่ แต่ยังมีผลไม้และผักอื่นๆอีกมากที่เป็นแหล่งของวิตามินซีในปริมาณที่มากและรสชาดที่แตกต่างออกไป คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ  เช่น ผลไม้ฝรั่งมีวิตามินซี ประมาณ 200 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นผลไม้ในเขตร้อนที่อร่อยและดีต่อสุขภาพแต่หาได้เฉพาะในฤดูร้อน  ผลกีวีก็เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีเช่นกันและสามารถหาได้ตลอดทั้งปี  พริกหวานแดงก็จะอุดมไปด้วยวิตามินซีและเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ต้องการ มีแคลอรีต่ำเหมาะสำหรับการทำสลัดหรือใช้ประกอบการทำอาหาร  แต่พริกหวานเขียวแม้จะไม่อุดมไปด้วยวิตามินซีมากนัก แต่ก็ยังเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ประมาณ 50 มิลลิกรัม  พริกทั้ง 2  เหมาะสำหรับอาหารเย็นหรือทำสลัด ผักอื่นที่อุดมไปด้วยวิตามินซีอย่าไม่เชื่อ เช่น Brussels Sprouts   นอกจากนี้ก็ยังพบวิตามินซีในสตอเบอร์รี่ และ์แคนตาลูบ


ที่มา: [drenchedfitness]/Article Alley


วิธีรักษาสุขภาพผิว

เอื้อเฟื้อภาพจาก [Wagging Dog Media Limited]/ Freedigitalphotos.net
นึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการปกป้องผิวของคุณคือการห่างจากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์ รังสีอัลตราไวโอเลตเป็นอันตรายต่อผิว จะส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย จุดแก่(age spot) หรือโรคมะเร็งได้เราจึงควรป้องกันเพื่อไม่ให้ผิวของเราได้รับอันตรายจากรังสีของดวงอาทิตย์ ควรใช้ครีมกันแดดธรรมชาติหรือ Moisturize ที่มีสารกันแดด (ขั้นต่ำของ SPF 15) ทุกวัน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรออกไปไหนเลยตลอดทั้งวัน เพราะ ผิวของคุณยังต้องการแสงแดดทุกวัน แต่ช่วงเวลา10.00น ถึง 15.00 น เป็นช่วงเวลาเสี่ยง แต่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกดินจะเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยต่อผิวของคุณ นอกจากนั้นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดีเช่นความชุ่มชื้นจากธรรมชาติเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสุขภาพผิวที่ดีต่อการรักษาความชุ่มชื้นตลอดทั้งวันเพื่อให้ผิวที่สำคัญของคุณแข็งแรง โดยเฉพาะมือและใบหน้าของคุณควรที่จะได้รับความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นด้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก : [Chloe park]/ Articlecity

ชาเขียวช่วยเผาผลาญไขมัน


เป็นที่รู้กันดีว่าชาเขียว สามารถรักษาโรคกระเพาะอาหาร และโรคทางเดินอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระต่อต้านโรคมะเร็งตับอย่างมีประสิทธิภาพสารต้านอนุมูลอิสระคาเทชิน(Catechin) จะช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบ สารCatechin ประกอบไปด้วย สารEpigallocatechin Gallate (EGCG) ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน นอกจากนี้ชาเขียวยังช่วยเผาผลาญไขมัน ปกติการเผาผลาญไขมันของคุณจะเกิดขึ้นเมื่อออกกำลังกายหรือในระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ แต่การบริโภคชาเขียวจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพในจำนวนเดียวกันกับการออกกำลังกาย จึงทำให้น้ำหนักตัวของคุณลดลงได้เร็วกว่าปกติ



ที่มาของข้อมูล [Frank Langella] / Article Alley